วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการแลกเงินสำหรับไปเที่ยวต่างประเทศ


บทความนี้อยากแนะนำเทคนิคการแลกเงินสำหรับใช้เที่ยวต่างประเทศ ในการไปเที่ยวต่างประเทศไม่ว่าจะไปกับทัวร์หรือไปเอง สิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ เงินที่ต้องใช้จ่ายระหว่างการเดินทางเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งเราต้องมีเงินสกุลของประเทศนั้นๆไว้ใช้จ่าย เช่นการทัวร์ยุโรป ก็ต้องใช้เงินสกุลยูโร ทัวร์อเมริกา ก็ต้องเงินดอลลาร์ ทัวร์จีน เงินหยวน ทัวร์ญี่ปุ่น เงินเยน เป็นต้น สิ่งที่ควรพิจารณาของการแลกเงินสำหรับเที่ยวต่างประเทศนั่นคือ อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งท่านสามารถนำเงินบาทไปแลกได้ตามสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆ ซึ่งผมเชื่อว่าอัตราแลกเปลี่ยนแทบไม่ต่างกัน (ไม่ต้องกังวลมาก) แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาในการแลกเงินสำหรับเที่ยวต่างประเทศก็คือ ความต่างของ ราคาขาย กับราคาซื้อ ของสถาบันการเงินมากกว่าครับ ราคาขายคือ การเปลี่ยนเงินบาทไปเป็นเงินสกุลที่เราต้องการแลก ราคาซื้อคือการเปลี่ยนเงินสกุลที่เราต้องการแลกไปเป็นเงินบาท ตามปกติ ราคาขาย จะสูงกว่าราคาซื้อ เสมอ ซึ่งสถาบันการเงินก็จะได้ส่วนต่างตรงนี้เป็นกำไรครับ ตรงนี้หากท่านผู้อ่านไปดูบอร์ดที่แสดงราคาขายราคาซื้อที่สถาบันการเงินก็จะสามารถเปรียบเทียบกันได้ หากพิจารณากันละเอียดจะพบว่า ผลต่างของราคาขายและราคาซื้อ ของเงินแต่ละสกุลไม่เท่ากัน ทั้งนี้ มันขึ้นอยู่กับความนิยมและความต้องการของผู้ใช้ในตลาดโลกครับ ซึ่งหากให้ลำดับความนิยม ในลำดับต้นๆของโลก ณ ตอนนี้ ก็มี  เงิน US Dollar, เงินยูโร, เงินหยวน เงินเยน เงินปอนด์ ประมาณนี้มั้งครับ ซึ่งถือเป็นเงินที่มีความต้องการสูง จุดที่เราสนใจอยู่ตรงนี้ครับ หากเราไปทัวร์ตามประเทศที่ใช้เงินเหล่านี้ เช่นทัวร์ยุโรป ทัวร์จีน ทัวร์ญี่ปุ่น หากมีเงินเหลือกลับมา เรานำไปให้สถาบันการเงินซื้อคืน เราจะได้เงินบาทคืนมาลดลงเล็กน้อย ซึ่งถือว่าไม่เสียหายหรือขาดทุนนัก (ในกรณีเงินเหลือกลับมามาก) แต่หากเราไปเที่ยวในประเทศอื่นๆเช่น ทัวร์เกาหลี ทัวร์อินเดีย เงินประเทศเหล่านี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ผลต่างของราคาขายและราคาซื้อจะมีค่ามาก นั่นหมายถึง หากเรามีเงินเหลือกลับมาและนำไปแลกคืนจะได้เงินบาทกลับมาน้อยลง ซึ่งจากประเด็นนี้จึงขอแนะนำเทคนิคในการแลกเงินสำหรับเที่ยวต่างประเทศไว้ดังนี้ครับ

1. หากจะแลกเงินสกุลของประเทศที่จะไปขอให้แลกในปริมาณที่พอเหมาะและใช้ให้หมดในระหว่างการท่องเที่ยว อย่าแลกเงินมากเกินไปเนื่องจากหากเหลือกลับมาแลกเป็นเงินบาทจะขาดทุนมากดังที่อธิบายไป
2. ให้แลกเป็นเงิน US Dollar หรือ ยูโร ก่อน และเมื่อไปถึงประเทศที่จะท่องเที่ยวก็ให้นำ Dollar แลกเป็นเงินของประเทศนั้นอีกที โดยแลกครั้งละพอเหมาะที่จะใช้จ่าย เนื่องจากยังไง ทุกประเทศก็ต้องการ US Dollar หรือยูโร ซึ่งจะทำให้ได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดี  และเมื่อกลับมาถึงเมืองไทย นำ US Dollar หรือยูโร ที่เหลือไปแลกกลับเป็นเงินบาทก็ยังไม่เสียหายมากนัก
ก็เป็นเทคนิคที่ได้จากประสบการณ์ของผมเองจากการไปอินเดียครั้งนี้ครับ ก็อย่างที่บอก ในโลกนี้ US Dollar ยูโร ยังหอมหวาน ใครๆก็อยากเก็บ อ้อลืมหยวนไปอีกสกุลหนึ่งที่มีคนต้องการเก็บ

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มารู้จักร้านอาหารอิสลาม ยูซุป โภชนา (ราชาข้าวหมก)

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมใช้เวลาช่วงวันหยุดที่ไม่ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด ตระเวน เที่ยวกินในกรุงเทพกันครับ ผมจะพาท่านมารู้จักร้านข้าวหมก ที่เป็นอิสลามแท้ๆ กันเลยครับ มาแถวย่านลาดกระบังกันเลยครับ เป็นที่ทราบกันดีว่า ในเขต ประเวศ ลาดกระบัง หนองจอก มีนบุรี จะมีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แน่นอนครับ ร้านอาหารอิสลามในย่านนี้จึงมีมากเป็นพิเศษ โดยร้านอาหารอิสลามที่จะแนะนำชื่อร้าน ยูซุป โภชนา (ราชาข้าวหมก) โดยร้านตั้งอยู่บนถนนกิ่งแก้ว เอาเป็นว่า หากเริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิท่านผู้อ่านใช้เส้นทางต่างระดับไปยังถนนกิ่งแก้ว (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3256) หรือหากท่านมาจากพระโขนง หรือ อ่อนนุช ใช้ถนน อ่อนนุช ลาดกระบัง ให้ท่านใช้สะพานเบี่ยงขวาเพื่อเข้าสู่ถนนกิ่งแก้วเช่นกันครับ เมื่ออยู่บนถนนกิ่งแก้ว ให้สังเกตด้านซ้ายมือเมื่อท่านพบปั๊มบางจาก ร้านยูซุปจะอยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามครับ ให้ท่านชิดขวาจะมีจุด กลับรถข้างหน้า ให้ท่านกลับรถมา ร้านอาหารอิสลามจะอยู่ด้านซ้ายมือของท่านครับ ที่จอดรถไม่มีนะครับ ให้ท่านจอดชิดฟุตบาทหน้าร้านกันครับ ท่านจะพบป้ายแสดงชื่อร้าน ดังภาพครับ


เมื่อเข้าไปในร้านก็พบรูปภาพคนดังที่แวะมากินอาหารอิสลามที่ร้านนี้กันเยอะพอที่จะการันตีความอร่อยได้เบื้องต้นครับ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องพิสูจน์ครับ สั่งมาลองเลยครับ ซุปไก่  ซุปหางวัว โรตีมะตะบะไก่ ข้าวหมกไก่ จากการลิ้มลอง พบว่าอาหารอิสลามที่นี่เครื่องเทศเข้าถึงมาก น้ำซุปเปรี้ยวนำ มีโปรยพริกขี้หนูเป็นกับดักให้ได้ลิ้มรสเผ็ดตามขณะที่กินกับข้าวหมกที่หอมกลิ่นเครื่องเทศครับ สรุปผมให้ 4.5 ดาว ข้าวหมกมีให้เลือกหลากหลายตามความชอบสมกับความเป็นราชาข้าวหมก แต่หากใครจะลองข้าวหมกแพะจะมีเฉพาะวัน อังคาร เสาร์ และอาทิตย์ นะครับ เมนูสลัดแขกสำหรับท่านที่ชอบทานสลัดด้วยนะครับ มาลิ้มลองอาหารอิสลามกันได้นะครับที่ ยูซุบ โภชนา (ราชาข้าวหมก)  ถนน กิ่งแก้ว จากนั้นก็ไปกราบหลวงพ่อโต ที่บางพลีกันต่อหรือจะกลับมาให้อาหารปลาที่วัดลานบุญก็ไม่ไกลมากครับ สุดท้ายท้ายสุดจะบอกว่า ร้านหยุด วันจันทร์และอังคาร ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนนะครับ 

เพิ่มเติมหากใครชอบกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อย ร้านข้างๆ ยูซุปก็มีให้ลิ้มลองนะครับ ไว้จะมาเล่าให้ฟังต่อครับ


มีวารสารหลายๆฉบับมาลิ้มลองและนำเสนอด้วย


ซุปไก่ กินกับข้าวหมกครับ เข้ากันมาก


ซุปหางวัว เด็ดมากขอแนะนำ เผ็ดเปรี้ยวนำ


โรตีมะตะบะไก่ เนื้อก็มีนะครับ ราดกับน้ำซุปช่างเข้ากันดี






วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เที่ยวไทย ตามรอยทางเดินทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

การศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้การดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบันเป็นไปอย่างไม่ประมาท  ประวัติศาสตร์การกู้ชาติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งที่ผมเคยตั้งคำถามว่า เหตุใดพระเจ้าตาก จึงตีหักทัพพม่าที่วัดพิชัยสงคราริมแม่น้ำป่าสัก มุ่งหน้าสู่ทะเลตะวันออก ส่วนหนึ่งคิดว่าน่าจะเป็นทิศที่ทัพพม่ามีกำลังน้อยที่สุด  วันนี้จะขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่อยู่บนทางเดินทัพของพระเจ้าตากสินกันครับ วัดปากน้ำโจ้โล้ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ในเขต อ บางคล้า จ ฉะเชิงเทราครับ เราจะใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3200 ฉะเชิงเทรา-บางน้ำเปรี่ยว  ซึ่งจะมีทางเบี่ยงขวาเป็นทางชนบทเลียบคลอง ท่านผู้อ่านจะพบทางเข้าวัดสมานรัตนารามด้านขวามือ ให้ท่านวิ่งเลยไปก่อนประมาณ 5 กม จะเห็นป้ายบอกทางไปวัด ปากน้ำโจ้โล้ และ อ บางคล้า ให้ท่านขับตามป้ายที่บอกไว้ตามทางเลยครับ สุดสายปลายถนน จะพบสามแยกให้เลี้ยวขวา 50 เมตร วัดจะอยู่ด้านขวา บนถนน วนะภูติ วัดปากน้ำโจ้โล้ มีจุดเด่นคือ พระอุโบสถสีทองทั้งหลัง  ลูกนิมิตโบราณที่ขุดจากอุโบสถหลังเก่า สถูปอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่พระเจ้าตากสินมีต่อทัพเรือและทัพบกของทหารพม่า ณ บริเวณปากน้ำนี้ครับ ประวัติของวัดโจ้โล้และประวัติศาสตร์การต่อสู้กับทัพพม่า ผมถ่ายรูปมาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษาครับ ตามภาพที่ 1



ภาพที่ 1 ประวัติวัดปากน้ำโจ้โล้และวีรกรรมการต่อสู้ของพระเจ้าตากสินกับทหารพม่า


ภาพที่ 2 พระอุโบสถสีทองทั้งหลัง



ภาพที่ 3 ลูกนิมิตรโบราณ



ภาพที่ 4 ที่เห็นไกลๆนู่นคือสถูปที่ได้บูรณะขึ้นใหม่

ในโอกาสต่อไป ผมจะพาเที่ยวไทย ตามรอยเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่อื่นๆอีกครับ เอาให้ถึงจันทบูรณ์เลยครับท่าน จากการศึกษาพบว่าการแหกฝ่าวงล้อมทัพพม่า จะถูกไล่ล่าอย่างไม่ลดละ เรียกได้ว่ากว่าจะปลอดภัยอย่างน้อยๆจะต้องเลยชลบุรีไปก่อนเลยครับ การพาเที่ยวไทยขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับวัดปากน้ำโจ้โล้ ที่หนึ่งครับ นั่นคือ ตลาดน้ำบางคล้า โดยออกจากวัดแล้วให้เลี้ยวขวาขับตามป้ายบอกเส้นทางประมาณ 2.5 km ลองเข้าไปเที่ยวดูนะครับ ขอให้มีความสุขกับการเที่ยวทั่วไทยและสถานที่ท่องเที่ยวตามใจปราถนาครับ



วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพปี 2558

ไหว้พระ 9 วัด ในกรุงเทพปี 2558 ผมอยากจะแนะนำเส้นทางการเดินทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการไหว้พระ 9 วัด ในกรุงเทพอย่างครบถ้วน จากการไหว้พระ 9 วัดของผมในทริปปี 2556 พบว่าการเดินทางจะเป็นปัญหาในด้านสภาพอากาศและจำนวนผู้คนที่เข้าไปไหว้พระจำนวนมากในบางวัดซึ่งทำให้เราอาจจะไหว้พระได้ไม่ค่อยสะดวกนัก ทริปนี้เลยวางแผนใหม่ โดยเป้าหมายยังเป็นการไหว้พระ 9 วัน ในกรุงเทพเดิมอยู่ครับ เริ่มต้น โดยเราจะเริ่มจากขับรถไปจอดที่วัดระฆังโฆษิตารามซึ่งอยู่ฝั่งธนบุรีถัดจาก รพ ศิริราช มาประมาณ 1.0 กม แผนเดินทางมีดังนี้ครับ

08.00 น ถึงวัดระฆัง ไหว้พระประธานในอุโบสถและสวดคาถาชินบัญชร ที่วัดนี้ก่อนเลยครับ ใช้เวลา 30 นาที ตอนเช้าที่นี่คนยังไม่มาก ท่านสามารถสวดคาถาชินบัญชรได้อย่างช้าๆและถูกต้องครับ เป็นการเริ่มต้นที่ดีของการไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ จากนั้น

08.30 น นั่งเรือข้ามฟากไปขึ้นที่ท่าช้าง แวะกินข้าวกันก่อนตรงท่าช้างมีอาหารให้เลือกหลากหลาย

08.50 น ไปไหว้พระแก้วมรกต ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระแก้วจะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ผมจึงวางแผนไปวัดพระแก้วเป็นวัดที่ 2 ซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสเข้าไปไหว้พระแก้วมรกตในอุโบสถได้อย่างสบายๆเพราะตอนเช้าๆคนยังไม่เยอะมาก

09.20 น แนะนำให้ท่านเดินข้ามถนนไปที่ศาลหลักเมืองสักการะศาลหลักเมืองให้เรียบร้อยไม่เกิน  30 นาที จากนั้นอยากแนะนำให้ท่านใช้บริการแท๊กซี่จากศาลหลักเมืองไปยังวัดชนะสงครามแถวๆ ถนนข้าวสาร เป็นวัดที่ 3 ขอแนะนำอย่าใช้บริการสามล้อเครื่องใน พศ นี้เพราะราคาเพิ่มขึ้นจากปี 56 ถึง 30 บาท  (อยู่ในโซน 2 ที่ผมจัดกลุ่มไว้)

10.00 น ถึงวัดชนะสงครามเข้าไปไหว้พระในอุโบสถ วัดนี้คนไม่เยอะเลยท่านสามารถไหว้พระสวดอิติปิโสได้อย่างช้าๆสบายๆมีสติ

10.30 น จะเดินหรือแท๊กซี่ก็ได้ ไปไหว้พระวัดที่ 4 ที่วัดบวรณิเวศวิหาร (โซน 2) ซึ่งไม่ไกลจากวัดชนะสงคราม มากนัก เข้าไปในอุโบสถ ไหว้พระได้อย่างเย็นใจคนไม่เยอะเลย เสร้จจากวัดในโซน 2 แล้วเราจะข้ามไปยังโซน 3 ซึ่งอยู่แถวๆ คลองมหานาค วัดสระเกศวรวิหาร ใช้บริการแท๊กซี่อย่างเดียวนะครับ สามล้อเครื่องไม่ต้อง

10.50 น ถึงวัดสระเกศ วัดที่ 5 เข้าไปถึงต้องค่อยๆเดินขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุบนภูเขาทอง ใช้เวลามากหน่อยเพราะภูเขาทองสูงมาก ระหว่่างทางขึ้นแวะดื่มกาแฟก่อนก็ดีไม่น้อยครับ

11.40 น นั่งแท๊กซี่มาไหว้พระที่วัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร เป็นวัดที่ 6  อุโบสถของวัดสุทัศน สวยงามมากอยากให้ท่านได้เข้ามานั่งชมและกราบไหว้ คนไม่เยอะด้วย

12.15 น นั่งแท๊กซี่มาไหว้พระที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดที่ 7 ประมาณเที่ยงกว่าๆ วัดพระเชตุพนคนน้อยลงไปเยอะครับ ท่านสามารถเข้าไปไหว้พระได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่อยู่ในวิหารต่างๆของวัดนี้ซึ่งผมจะขอยกมาเล่าให้ฟังเป็นการเฉพาะ

12.45 น เดินมาที่ท่าเตียน ด้านข้างๆวัด แวะกินข้าวกันก่อนที่ท่าเตียนเสร็จนั่งเรือข้ามฟากไปยังวัดอรุณ

13.10 น เข้าไปไหว้พระในอุโบสถวัดอรุณตอนบ่ายๆ ก็แปลกตาดี ยังมีวิหารน้อยที่ท่านอาจจะไปไหว้สักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินได้ครับ

13.40 น ใช้บริการนั่งเรือไหว้พระทางน้ำ วัดอรุณ วัดกัลยาฯ วัดระฆัง 30 บาทต่อคน ไปไหว้พระวัดที่ 9 วัดกัลยาณมิตร

13.55 น ถึงท่าเรือวัดกัลยาณมิตร เข้าไปไหว้หลวงพ่อโตซำเปากง ในอุโบสถวัด กัลยาณมิตร ตอนบ่ายๆ คนน้อยมาก

14.25 น นั่งเรือกลับท่าน้ำวัดระฆัง เป็นอันสิ้นสุดทริปไหว้พระ 9 วัดกรุงเทพ ข้อสังเกต เราเดินทางภาคบ่ายทางน้ำซึ่งจะให้ความรู้สึกเย็นสบายกว่าการเดินทางในทริปไหว้พระ 9 วัดกรุงเทพ ปี 2556 หวังว่าเส้นทางที่ผมแนะนำจะช่วยให้ท่านผู้อ่านใช้ในการวางแผนเดินทางไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพนะครับ